วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

พุทธศาสนสุภาษิต : ธรรม

ธมฺโม รหโท อกทฺทโม             ธรรมเหมือนห้วงน้ำไม่มีตม
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ             ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำสุขมาให้
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารี             ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี             ผู้ประพฤติธรรม ไม่ไปสู่ทุคติ
ธมฺเม ฐิตํ น วิชหาติ กิตฺต             เกียรต ย่อมไม่ละผู้ตั้งอยู่ในธรรม
ธมฺเม ฐิตา เย น กโรนฺติ ปาปก             ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ย่อมไม่ทำบาป
ธมฺมํ จเร สุจริตํ             พึงประพฤติธรรมให้สุจริต


นภญฺจ ทูเร ปฐวี จ ทูเร  ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ  สตญฺจ ธมฺโม อสตญฺจ ราช 
ขากล่าวว่า ฟ้ากับดินไกลกัน และฝั่งทะเลก็ไกลกัน แต่ธรรมของสัตบุรุษกับ อสัตบุรุษไกลกันยิ่งกว่านั้น


ยทา จ พุทฺธา โลกสฺมึ     อุปฺปชฺชนฺติ ปภงฺกรา เต อิมํ ธมฺมํ ปกาเสนฺติ     ทุกฺขูปสมคามินํ 
เมื่อพระพุทธเจ้าผู้ทำความสว่างเกิดขึ้นในโลก พระองค์ย่อมประกาศธรรมสำหรับดับทุกข์นี้
เย จ โข สมฺมทกฺขาเต     ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ     มจฺจุเธยฺยํ สุทตฺตรํ 
ชนใดประพฤติธรรม ในธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวดีแล้ว ชนเหล่านั้นจักข้ามแดนมฤตยูที่ข้ามได้ยาก

โย อิจฺเฉ ทิพฺพโภคญฺจ     ทิพฺพมายุํ ยสํ สุขํ ปาปานิ ปริวชฺ เชตฺวา     ติวิธํ ธมฺมมาจเร 
ผู้ใดปราถนาโภคทรัพย์ อายุ ยศ สุข อันเป็นทิพย์ ผู้นั้นพึงงดเว้นบาปทั้งหลาย แล้วประพฤติสุจริตธรรม ๓ อย่าง


อุจฉินฺท สิเนหมตฺตโน     กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย     นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ 
จงเด็ดเยื่อใยของตนเสีย เหมือนเอาฝ่ามือเด็ดบัวในฤดูแล้ง จงเพิ่มพูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานที่พระสุคตแสดงแล้ว


จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ     องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ     จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต 
พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ 
เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง


ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา   อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ   สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ 
ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา 
ส่วนธรรมสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้


เต ฌายิโน สาตติกา     นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ     โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ 
ผู้ฉลาดนั้นเป็นผู้เพ่งพินิจ มีความเพียรติดต่อ บากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์ 
ยอมถูกต้องพระนิพพาน อันปลอดจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้


นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา  นาญฺญตฺร อินฺทริยสํวรา นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา  โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ 
เรา (ตถาคต) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย 
นอกจากปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง


สนฺต จิตฺตา นิปกา   สติมนฺโน จ ฌายิโน สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺต   กาเมสุ อนเปกขิโน 
ผู้มีจิตสงบ มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มีสติเป็นผู้เพ่งพินิจ ไม่เยื่อใยในกาม ย่อมเห็นธรรมโดยชอบ


พุทธศาสนสุภาษิต : ทุกข์

สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา    สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก   ความจน เป็นทุกข์ในโลก

อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก   การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก

ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ    คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์

ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต    ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์

อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา     ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล


ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ    การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์

อปฺปิยานญฺจ ทสฺสนํ ทุกฺขํ   การพบเห็นสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์ 


  

พุทธศาสนสุภาษิต : มิตร

มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร   มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน

สหาโย อตฺถชาตสฺส     โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ 
สหายเป็นมิตรของผู้มีความต้องการเกิดขึ้นเนือง
สพพตฺถ ปูชิโต โหติ     โย มิตฺตานํ น ทุพฺภติ 
ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมมีผู้บูชาในที่ทั้งปวง

มิตฺตทุพโภ หิ ปาปโก    ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้


ภริยา ปรมา สขา   ภรรยาเป็นเพื่อนสนิท

นตฺถ พาเล สหายตา   ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล

สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ   จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา 
ถ้าได้สหายผู้รอบคอบ พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา

พุทธศาสนสุภาษิต : ทาน

นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺห  อปฺปกา นาม ทกฺขิณา เมื่อจิตเลื่อมใสแล้ว ทักขิณาทานชื่อว่าน้อยย่อมไม่มี
วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ    การเลือกให้ อันพระสุคตทรงสรรเสริญ
พาลา หเว นปฺปสํสนฺติ ทานํ    คนพาลเท่านั้น ย่อมไม่สรรเสริญทาน
ททํ มิตฺตานิ คนฺถต   ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
ททมาโน ปิโย โหติ     ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
สุขสฺส ทาตา เมธาวี     สุขํ โส อธิคจฺฉติ     ปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข
เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ    ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ
 
อคฺคสฺมึ ทานํ ททต     อคฺคํ ปุญฺญํ ปวทฺฒติ อคฺคํ อายุ จ วณฺโณ จ ยโส กิตฺติ สุขํ พลํ 
เมื่อให้ทานในวัตถุอันเลิศ บุญอันเลิศ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สุข และ กำลังอันเลิศ ก็เจริญ
อคฺคทายี วรทาย     เสฏฺฐทายี จ โย นโร ทีฆายุ ยสวา โหติ     ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชติ 
ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ให้สิ่งที่ดี ให้สิ่งที่ประเสริฐ ย่อมเป็นผู้มีอายุยืน มียศ ในภพที่ตนเกิด


ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา     อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ     อคฺเค จ ผลทายกํ 
ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย
ยถา วาริวหา ปูรา     ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ     เปตานํ อุปกปฺปติ 
ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น

โส จ สพฺพทโท โหติ     โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ     ธมฺมมนุสาสติ 
ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ


อนฺนโท พลโท โหติ       ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง
 
วตฺถโท โหติ วณฺณโท          ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ
 
                ยานโท สุขโท โหติ         ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข
 
               ทีปโท โหติ จกฺขุโท       ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ
 


อเทยฺเยสุ อททํ ทานํ     เทยฺเยสุ โย ปเวจฺฉติ อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต     สหายํ อธิคจฺฉติ 
ผู้ใดไม่ให้ทานในคนที่ไม่ควรให้ แต่ให้ทานในคนที่ควรให้ เมื่อประสบปัญหา ย่อมได้พบผู้ช่วยเหลือ

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

พุทธศาสนสุภาษิต : อดทน

อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ     อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ     อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก 
ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน

เกวลานํปิ ปาปาน     ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ   มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก 
ขันติ ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น ผู้มีขันติชื่อว่าย่อมขุดรากแห่งความติเตียนและการทะเลาะกันได

ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี     ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ     มนาโป โหติ ขนฺติโก 
ผู้มีขันตินับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย


สตฺถุโน วจโนวาทํ     กโรติเยว ขนฺติโก ปรมาย จ ปูชาย     ชินํ ปูเชติ ขนฺติโก 
ผู้มีขันติ ชื่อว่าทำตามคำสอนของพระศาสดา และผู้มีขันติ ชื่อว่าบูชาพระชินเจ้าด้วยบูชาอันยิ่ง
สีลสมาธิคุณานํ     ขนฺติ ปธานการณํ สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา    ขนฺตฺยาเยว วฑฺฒนฺติ เต 
ขันติเป็นประธาน เป็นเหตุ แห่งคุณคือศีลและสมาธิ กุศลธรรมทั้งปวงย่อมเจริญเพราะขันติเท่านั้น

ขนฺติ ธีรสฺส ลงฺกาโร     ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ     ขนฺติ หิตสุขาวหา 
ขันติเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ ขันติเป็นตบะของผู้พากเพียร 
ขันติเป็นกำลังของนักพรต ขันตินำประโยชน์สุขมาให้
 
น สุทฺธิ เสจเนน อตฺถิ     นปิ เกวลี พฺราหฺมโณ น เจว ขนฺติ โสรจฺจํ     นปิ โส ปรินิพฺพุโต 
ความบริสุทธิ์ก็ดี ผู้ที่จะประเสริฐล้วนก็ดี ขันติและโสรัจจะก็ดี 
จะเป็นผู้เย็นสนิทก็ดี ย่อมไม่มีเพราะการชำระล้าง (ด้วยน้ำ)

นเหตมตฺถํ มหตีปิ เสนา     สราชิกา ยุชฺฌมานา     ลเภถ ยํ ขนฺติมา สปฺปุริโส ลเภถ     ขนฺติพลสฺสูปสมนฺติ เวรา 
เสนาแม้หมู่ใหญ่ พร้อมด้วยพระราชารบอยู่ ไม่พึงได้ประโยชน์ที่สัตบุรุษผู้มีขันติพึงได้ 
(เพราะ) เวรทั้งหลายของผู้มีขันติเป็นกำลังนั้น ย่อมสงบระงับ